E-Books

ค้นหา

สถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์

เนื้อหาที่เปิดอ่าน
5434558

whosonline

มี 397 ผู้มาเยือน และ ไม่มีสมาชิกออนไลน์ ออนไลน์

 

ต้นวงศ์แห่งคณะธรรมยุติกนิกาย

       พระสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “ธรรมยุต” นั้น เป็นผลจากการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาและการแก้ไขวัตรปฏิบัติ ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงผนวชอยู่

       ขณะเมื่อทรงผนวชอยู่นั้น พระองค์ได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน จึงทำให้ทรงมีพระวิจารญาณเกี่ยวกับความเป็นมาของพระพุทธศาสนาและความประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เป็นเหตุให้ทรงมีพระราชดำริในการที่จะฟื้นฟูคำสอนทางพระพุทธศาสนาและการประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ตามที่ได้ทรงศึกษาและทรงพิจารณา สอบสวนจนเป็นที่แน่แก่พระราชหฤทัยว่าถูกต้องเป็นจริงทุกอย่าง จึงทรงนำการประพฤติปฏิบัติเป็นแบบอย่าง ด้วยพระองค์เองเป็นอันดับแรก ต่อมาเมื่อมีบุคคลอื่นเห็นชอบและนิยมตาม จึงได้มีผู้ประพฤติปฏิบัติตามพระองค์มีจำนวนมากขึ้นโดยลำดับ จนเกิดเป็นคณะสงฆ์หมู่หนึ่ง ซึ่งมีชื่อในภายหลังว่า “ธรรมยุติกนิกาย” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “ธรรมยุต” ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ประกอบด้วยธรรม หรือ ชอบด้วยธรรม

        เหตุผลของการก่อกำเนิด คณะสงฆ์ธรรมยุตขึ้น ด้วยมีวัตถุประสงค์ เพื่อความถูกต้องแห่งพระธรรมวินัย และสัตถุสาสน์ (คือคำสั่งสอนของพระศาสดา) แล้วปฏิบัติข้อนั้น เว้นข้อที่ไม่เป็นธรรมไม่เป็นวินัยไม่เป็นสัตถุสาสน์แม้จะเป็นอาจิณปฏิบัติ(ข้อปฏิบัติที่ประพฤติตามกันมาแต่ผิดพระธรรมวินัย)

       คณะพระสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ได้ก่อกำเนิดขึ้น ไดยมีหลักฐานแสดงไว้ดังนี้

        (๑) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับเอาวินัยวงศ์ คือ ธรรมเนียมประพฤติปฏิบัติทางพระวินัยแบบรามัญมาเป็นข้อปฏิบัติเป็นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ. ๑๑๘๗ ตรงกับ พ.ศ.๒๓๖๘ อันเป็นปีที่ ๒ แห่งการทรงผนวชของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับเอาวินัยวงศ์แบบรามัญนิกายมาเป็นแบบปฏิบัตินั้นเป็นการเริ่มต้นแก้ไขการประพฤติปฏิบัติตามวินัยของพระองค์ซึ่งยังผลให้มีผู้ประพฤติปฏิบัติตามจนเกิดเป็นพระสงฆ์คณะหนึ่งในเวลาต่อมา

        (๒) สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งเป็นพระเถระชั้นเดิมแห่งคณะธรรมยุตพระองค์หนึ่ง ทรงแสดงพระมติไว้ว่า “อันที่จริงคณะธรรมยุตค่อยเป็นมาโดยลำดับ ปีที่ออกหน้า ควรจะกำหนดว่าเป็นปีที่ ตั้งนั้น คือ ค.ศ. ๑๑๙๑ “ ปีนี้นั้น ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๒ อันเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงผนวชได้ ๖ พรรษา และเสด็จจากวัดมหาธาตุกลับไปประทับ ณ วัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) อีกครั้งหนึ่ง เพื่อทรงสะดวกในการที่จะปรับปรุงแก้ไข การประพฤติปฏิบัติพระธรรมวินัยในส่วนพระองค์เอง เพราะการประทับอยู่ในวัดมหาธาตุอันเป็นที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงเป็นพระราชอุปัชยาจารย์ของพระองค์ด้วยนั้น คงทรงเห็นว่า ไม่เป็นการเหมาะสมที่จะพฤติปฏิบัติวัตรปฏิบัติต่างๆ ที่แตกต่างจากธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยเป็นมา ฉะนั้น การเสด็จกลับไปประทับที่วัดสมอรายจึงเท่ากับเป็นการเริ่มต้นการปรับปรุงแก้ไขวัตรปฏิบัติตามพระธรรมวินัย อย่างจริงจัง ของพระองค์ พร้อมทั้งคณะศิษย์ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น

        (๓) สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงแสดงพระมติไว้ตามที่ปรากฏในลายพระหัตถ์ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า “วันพรุ่งนี้ (คือวัน ๑๑ มกราคม ) เป็นวันที่คณะธรรมยุตและวัดบวรนิเวศ ตั้งมาได้ครบ ๖๐ รอบปีบริบูรณ์” ตามความในลายพระหัตถ์ ดังกล่าวนี้ หมายความว่า ทรงถือเอาวันที่ ๑๑ มกราคม ร.ศ. ๕๕ (ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๙) อันเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกจากวัดสมอรายมาครองวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นวันตั้งคณะธรรมยุต และเป็นวันตั้งวัดบวรนิเวศวิหาร ตามความในพระราชประวัติแสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเริ่มปรับปรุงแก้ไขการประพฤติปฏิบัติ พระธรรมวินัยในส่วนพระองค์เพื่อให้ถูกต้องตามที่ได้ทรงศึกษาพิจารณามาตั้งแต่ทรงผนวชได้ ๒ พรรษา ขณะที่ยังประทับอยู่วัดมหาธาตุและเริ่มมีสหธรรมิกอื่นๆ นิยมปฏิบัติตามอย่างพระองค์ขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังคงไม่มากนัก

        ครั้นปี พ.ศ. ๒๓๗๒ อันเป็นปีที่ทรงผนวชได้ ๖ พรรษา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งเป็นพระราชาคณะ มาถึงระยะนี้ คงมีภิกษุสามเณรที่นิยมการปฏิบัติตามอย่างพระองค์ และมาถวายตัวเป็นศิษย์มากขึ้น จึงได้เสด็จจากวัดมหาธาตุกลับไปประทับที่วัดสมอราย ซึ่งอยู่นอกกำแพงพระนครและเป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี หรือป่า ที่มีชื่อยู่ในขณะนั้น ทั้งนี้ก็คงเพื่อความสะดวกพระทัยในการนำคณะศิษย์บางส่วน ประพฤติปฏิบัติและบำเพ็ญกิจวัตรต่างๆ ทางพระธรรมวินัยที่เห็นว่าถูกต้องและเหมาะสม ส่วนคณะศิษย์บางส่วนก็ยังคงอยู่ที่วัดมหาธาตุ

แม้พระองค์เสด็จมาประทับที่วัดสมอราย ก็ยังไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขวัตรปฏิบัติต่างๆ ได้ตามที่ทรงตั้งพระหทัย เนื่องจากพระองค์มิได้ทรงเป็นอธิบดีสงฆ์แห่งสำนักนั้น ฉะนั้น ในขณะที่ประทับอยู่ที่วัดมหาธาตุก็ดี ที่วัดสมอรายก็ดี ธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงพระราชดำริปรับปรุงแก้ไขขึ้นใหม่คงยังไม่ได้มีกำหนดเป็นรูปแบบที่ชัดเจนบริบูรณ์ ต่อเมื่อเสด็จมาครองวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๙ จึงปรากฏหลักฐานว่าทรงตั้งธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับคณะสงฆ์ธรรมยุตขึ้น ดังที่ปรากฏในตำนานวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นต้น

        คณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย เกิดขึ้นจากผลของการแสวงหาความถูกต้องตามพระธรรมวินัย เริ่มแต่การทรงศึกษาสอบสวนของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดมาจนถึงการศึกษาสอบสวนของพระเถรานุเถระผู้เป็นบูรพาจารย์แห่งคณะธรรมยุตเป็นลำดับมา ดังนั้น ธรรมเนียมปฏิบัติของคณะสงฆ์ธรรมยุตในด้านต่างๆ จึงเกิดขึ้นเป็นลำดับมาตามลำดับกาล..

 

วิดีโอ

WatpaLA-Youtube

Copyright ©2554 วัดป่าธรรมชาติ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา