บริหารลมหายใจ
ปราณายาม
ข้อแนะนำและข้อควรระวังในการปฏิบัติ ปราณายาม
ข้อแนะนำทั่วไป
- ข้อแนะนำทั่วไปมีรายละเอียดเช่นเดียวกับข้อแนะนำทั่วไปในการปฏิบัติอาสนะ
- ปราณายาม อาจปฏิบัติแยกต่างหากจากอาสนะ หากปฏิบัติต่อเนื่องภายหลังการปฏิบัติอาสนะ ควรเว้นระยะประมาณ 15 นาที ก่อนปฏิบัติปราณายาม
ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
- อิริยาบถที่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติปราณายาม คือท่านั่งบนพื้นที่มีส่วนหลังตั้งตรงและตั้งได้ฉากกับพื้น ดังนั้นอาสนะที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติปราณายามก็คือ วีราสนะ ปัทมาสนะ และ พัทธะ โกณาสนะ เป็นต้น ปราณายามบางชนิดอาจปฏิบัติได้ในอิริยาบถนอน
- ในการปฏิบัติปราณายามในอิริยาบทนั่ง ให้ก้มศีรษะต่ำลงจนคางจรดหน้าอก (ซึ่งเรียกว่า ชาลันธระ พันธะ) เสมอ เว้นแต่มีข้อกำหนดเป็นอย่างอื่น
- ให้หลับตาในระหว่างการปฏิบัติปราณายาม หากลืมตาอาจจะรู้สึกระคายเคืองและแสบร้อนในดวงตา
- ในการปฏิบัติปราณายาม ให้หายใจผ่านรูจมูกเท่านั้น เว้นแต่มีข้อกำหนดเป็นอย่างอื่น
- ในระหว่างการปฏิบัติปราณายามความคิดควรจะสงบลง ในขณะที่จิตใจตื่นตัวและเฝ้าสังเกต
- เมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติปราณายาม ให้พักอยู่ในท่าศวาสนะ เป็นเวลาอย่างน้อย 5-10 นาที
ข้อแนะนำพิเศษและข้อควรระวัง
- เครื่องมือที่อาศัยแรงลมสามารถตัดผ่านศิลาที่แข็งที่สุดได้ ในปราณายาม โยคีใช้ปอดของตนเป็นเสมือนเครื่องมือดังกล่าว ซึ่งหากใช้อย่างไม่ถูกต้องมันจะทำลายทั้งตัวเครื่องมือและผู้ใช้นั้นเอง
- ในระยะแรก การปฏิบัติปราณายามอาจจะทำให้เหงื่อออกและตัวสั่นซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปตามระยะเวลาในการปฏิบัติ
- ในระหว่างการปฏิบัติปราณายาม ไม่ควรเกิดความรู้สึกตึงเครียดในกล้ามเนื้อ ใบหน้า ตา หู ต้นคอ ไหล่ แขน ต้นขา และเท้า กล้ามเนื้อเหล่านี้อาจตึงเครียดได้โดยไม่รู้ตัว ให้ทำความรู้สึกผ่อนคลายในกล้ามเนื้อเหล่านี้
- การหายใจที่สม่ำเสมอ นำมาซึ่งสุขภาพที่ดีของระบบประสาทและความสม่ำเสมอของจิตใจและอารมณ์ ตรงกันข้าม การหายใจที่ระส่ำระสายและบีบคั้นจะทำให้เกิดความกดดันต่อปอดและกระบังลม ซึ่งเป็นผลเสียต่อระบบการหายใจและระบบประสาท
- เมื่อไม่สามารถหายใจยาว ลึก และมั่นคง ได้อย่างสม่ำเสมอ จงหยุดการปฏิบัติทันที ไม่ควรพยายามต่อไป พยายามให้ลมหายใจเข้าและออกมีความยาวเสมอกัน
- ควรฝึกกลั้นลมหายใจ เมื่อชำนาญในการหายใจเข้า และหายใจออก ตามเทคนิคที่แนะนำให้แล้วนั้น และควรฝึกกลั้นลมหายใจภายหลังการหายใจออก ก็ต่อเมื่อสามารถกลั้นลมหายใจภายหลังการหายใจเข้า ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ถ้าหากจังหวะของการหายใจเข้าและออกถูกรบกวนโดยการกลั้นลมหายใจให้ย่นระยะเวลาในการกลั้นลมหายใจลง
- ผู้ที่เป็นโรคตาและหู (เช่นโรคต้อหิน และหนองในช่องหู) ไม่ควรพยายามกลั้นลมหายใจ
- อุชชายี และนาฑี โศธนะ ปราณายาม มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับสตรีมีครรภ์ เมื่อปฏิบัติร่วมกับ พัทธะ โกณาสนะ อย่างไรก็ดี ในระหว่างการตั้งครรภ์ไม่ควรกลั้นลมหายใจ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำจากครูผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- อุชชายี ปราณายาม
อุท หมายถึง การพองตัว การขยาย ชยะ หมายถึง ชัยชนะ หรือความสำเร็จ
อุชชายี คือ กิริยาซึ่งปอดถูกขยายอย่างเต็มที่ และทรวงอกพองออกเช่นเดียวกับทรวงอกของผู้พิชิตชัยชนะ
วิธีปฏิบัติ
ขั้นที่ 1
- นอนหงายราบกับพื้นในท่าศพ (ภาพ 102) หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
- นำผ่ามือวางคว่ำบนหน้าท้อง (ภาพ 116) หายใจเข้ารู้สึกถึงการขยายตัวออกเล็กน้อยของท้องจากผ่ามือ หายใจออก รู้สึกถึงการยุบลงของท้องจากผ่ามือเช่นกัน ปฏิบัติ 3-5 รอบ
- กำมือหลวม ๆ วางบนซี่โครง ใต้ราวนม (ภาพ 117) หายใจเข้าให้ลึกกว่าในข้อ 2 รู้สึกถึงการขยายออกของท้อง และซี่โครงในลำดับถัดมา (จากมือที่วางอยู่บนซี่โครง) หายใจออก รู้สึกถึงการยุบลง ปฏิบัติ 3-5 รอบ
- วางฝ่ามือบนหน้าอกเหนือราวนม (ภาพ 118) หายใจเข้าให้ลึกที่สุด รู้สึกถึงการขยายตัวของส่วนท้อง ซี่โครง การขยายและยกตัวของหน้าอก (จากมือที่วางทาบอยู่) ในขณะที่ส่วนท้องกลับถูกดึงให้ยุบเข้าหาลำตัว หายใจออกรู้สึกถึงการยุบลง ปฏิบัติ 3-5 รอบ แล้วให้หายใจปกติ
ปฏิบัติขั้นนี้จนรู้สึกเป็นธรรมชาติแล้วจึงปฏิบัติขั้นถัดไป
ภาพ 116 ภาพ 117
ภาพ 118
ขั้นที่ 2
- ปล่อยมือวางข้างลำตัวเหมือนในข้อ 1 หายใจเข้าลึกตามข้อ 4 เริ่มหายใจออกโดยแขม่วหน้าท้องไว้เล็กน้อย ผ่อนลมหายใจออกโดยปล่อยให้อกและซี่โครงยุบตัวลงอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วจึงยุบส่วนท้องเข้าหาลำตัวจนหมดลม
- หายใจเข้าออกปรกติ 2-3 รอบ แล้วจึงปฏิบัติตามข้อ 5 ซ้ำอีก โดยหายใจเข้าลึก หายใจออกยาว สลับกับการหายใจเข้าออกตามปรกติ 2-3 รอบเช่นนี้ 3-5 ครั้ง
- ค่อย ๆ ลดจำนวนรอบของการหายใจปรกติระหว่างการหายใจลึกลงช้า ๆ จนสามารถหายใจเข้ายาว หายใจออกยาว ติดต่อกันไปอย่างเป็นธรรมชาติ ปฏิบัติขั้นตอนนี้จนชำนาญแล้ว จึงปฏิบัติขั้นถัดไป
ขั้นที่ 3
- นั่งในท่าดอกบัว (ภาพ 27) ท่าดอกบัวครึ่งท่า (ภาพ 28) หรือท่านักรบ (ภาพ 22) ยึดกระดูกสันหลังจากก้นกบขึ้นมาจนถึงหน้าอก ก้มศีรษะลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือจนคางจรดหน้าอก
- งอนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ให้ปลายนิ้วมาบรรจบกัน ในขณะที่นิ้วที่เหลือเหยียดออก วางมือบนเข่าหรือบนหรือบนต้นขา หลับตาลงเบา ๆ (ภาพ 119,120,121) หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
- หายใจเข้าออกลึกๆ ตามวิธีในข้อ 7 สังเกตเสียงลมหายใจเข้าและออก พยายามให้เสียงสม่ำเสมอ ปฏิบัติ 20-30 รอบ
- นับลมหายใจในจังหวะที่สม่ำเสมอ ทั้งเข้าและออก กำหนดรู้ความยาวสั้นกว่ากันของลมหายใจเข้าและออก หากลมหายใจระส่ำระสายให้หยุดนับ และกลับมาปฏิบัติข้อ 10 จนลมหายใจเป็นปรกติแล้วจึงเริ่มต้นนับใหม่ ฝึกฝนจนสามารถนับลมหายใจได้โดยจังหวะการหายใจยังเป็นปรกติ ปฏิบัติ 20-30 รอบ
ภาพ 119 ภาพ 120
ภาพ 121 ภาพ 122
- ปรับลมหายใจให้ยาวขึ้นจนลมหายใจเข้าและออกยาวเท่า ๆ กัน ปฏิบัติ 20-30 รอบ อย่ารีบร้อนหรือหักโหมในการปฏิบัติ
ปฏิบัติขั้นนี้จนชำนาญแล้วจึงปฏิบัติขั้นตอนต่อไป
ขั้นที่ 4
- หายใจเข้าจนสุด กลั้นลมหายใจไว้ เมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัดให้คลายการยึดเหนี่ยวและหายใจออก หายใจเข้าออกโดยไม่กลั้นลมหายใจ 2-3 รอบ ต่อการฝึกกลั้นลมหายใจ 1 รอบ ค่อยๆ ลดจำนวนรอบของการหายใจปรกติลงจนสามารถหายใจเข้า – กลั้นลมหายใจ-หายใจออก-หายใจเข้า-กลั้นลมหายใจ-หายใจออกได้ต่อเนื่องกันไปเป็นธรรมชาติ ปฏิบัติ 20-30 รอบ
- ค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาของการกลั้นลมหายใจหลังการหายใจเข้า จนการหายใจเข้า การกลั้นลมหายใจ และการหายใจออก มีระยะเวลาเท่า ๆ กัน
- เมื่อปฏิบัติข้อ 14 ได้แล้ว ให้เพิ่มการปฏิบัติ มูละ พันธะ คือการหดกระซับกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก และกล้ามเนื้อจากทวารหนักถึงอวัยวะเพศ ในระหว่างการกลั้นลมหายใจ
ขั้นที่ 5
- ฝึกกลั้นลมหายใจหลังการหายใจออก โดยหายใจเข้า-ออกตามข้อที่ 12 เมื่อหายใจออกจนสุดแล้วให้กลั้นลมหายใจไว้จนเริ่มรู้สึกอึดอัดจึงคลายการยึดเหนี่ยว หายใจเข้าออกตามปรกติ 2-3 รอบ ต่อการฝึกกลั้นหายใจ 1 รอบ ค่อย ๆ ลดจำนวนรอบของการหายใจปรกติลงจนสามารถหายใจเข้า-หายใจออก-กลั้นลมหายใจ-หายใจเข้า-หายใจออก-กลั้นลมหายใจ ได้ต่อเนื่องอย่างเป็นธรรมชาติ ปฏิบัติ 20-30 รอบ
- ค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาของการกลั้นลมหายใจหลังการหายใจออก จนการหายใจเข้า การหายใจออก และการกลั้นลมหายใจมีระยะเวลาเท่า ๆ กัน
- เมื่อปฏิบัติข้อ 17 ได้แล้ว ให้เพิ่มการปฏิบัติ คือการยุบส่วนท้องทั้งหมดเข้าหากระดูดสันหลังพร้อมกับยกขึ้น (ภาพ 122) ในระหว่างการกลั้นลมหายใจ
ขั้นที่ 6
- หายใจเข้า กลั้นลมหายใจ หายใจออกเช่นนี้ 2-3 รอบ แล้วตามด้วยการกลั้นลมหายใจหลังการหายใจออก 1 ครั้ง เช่นนี้หมุนเวียนกันไป 5-6 ครั้ง
- ค่อย ๆ ลดสัดส่วนนั้นลงจนเป็นการหายใจเข้า กลั้นลมหายใจ หายใจออก กลั้นลมหายใจ ต่อเนื่องกันไป ปฏิบัติ 20-30 รอบ
หลังการปฏิบัติปราณายามทุกครั้ง ให้ปฏิบัติท่าศพเป็นการผ่อนคลาย 5-10 นาที
ผลดี
อุชชายี ปราณายาม ช่วยถ่ายเทอากาศในปอด กำจัดเสมหะ เสริมสร้างความอดทน ทำให้ระบบประสาทสงบเย็น และทำให้ระบบในร่างกายทั้งหมดแข็งแรง การปฏิบัติอุชชายี ปราณายามในท่านอนโดยไม่กลั้นลมหายใจ มีผลดีมากต่อผู้ที่เป็นโรคความดันเลือดสูง หรือโรคของหลอดเลือดต่าง ๆ
- นาฑี โศธนะ ปราณายาม
นาฑี คือ ช่องทางผ่านของปราณะ หรือพลังงานในร่างกาย โศธนะหมายถึงการชำระล้าง การกระทำให้บริสุทธิ์ นาฑี โศธนะ ปราณายาม จึงมุ่งหมายเพื่อชำระล้างระบบประสาทให้บริสุทธิ์
วิธีปฏิบัติ
- นั่งในท่าใดท่าหนึ่ง ก้มศีรษะลงจนคางจรดหน้าอก กระทำญาณมุทรา (ภาพ 119, 120,121)
- งอพับนิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวา ในขณะที่นิ้วหัวแม่มือ นิ้วนาง และนิ้วก้อยงอโค้งเข้าหากัน (ภาพ 123) ลักษณะของมือดังกล่าวเรียกว่า วิษณุมุทรา
- วางนิ้วหัวแม่มือลงบนร่องจมูกขวาให้สันจมูกนิ้วนางและนิ้วก้อยลงบนร่องจมูกซ้าย ในลักษณะ ที่ให้ปลายนิ้วสัมผัสกับร่องจมูก (ภาพ 124, 125)
ขั้นที่ 1
- ทำให้รูจมูกแคบลงโดยการเพิ่มแรงกดเบา ๆ ที่ปลายนิ้วมือ ระวังอย่าให้ปลายจมูกเบี้ยวไปข้างใดข้างหนึ่ง
- หายใจเข้าออกผ่านรูจมูกที่แคบลงทั้งสองข้างนั้น ในลักษณะของการหายใจลึกดังในอุชชายี ปราณายาม ปฏิบัติ 20-30 รอบ
- ค่อย ๆ ทำให้รูจมูกแคบลงมากขึ้น ๆ ปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ 5
ขั้นที่ 2
- ปิดจมูกซ้ายด้วยปลายนิ้วนางและนิ้วก้อย ทำให้รูจมูกขวาแคบลงด้วยปลายนิ้วหัวแม่มือ หายใจออกผ่านรูจมูกขวา
- หายใจเข้าผ่านรูจมูกขวาจนสุด กลั้นลมหายใจชั่วขณะเพื่อปรับระดับนิ้วมือ โดยปิดรูจมูกขวา และเปิดรูจมูกซ้ายเพียงเล็กน้อย
- หายใจออก ผ่านรูจมูกซ้ายที่แคบนั้นจนสุด กลั้นลมหายใจชั่วขณะ
ภาพ 123 ภาพ 124
- หายใจเข้า ผ่านรูจมูกซ้ายจนสุด กลั้นลมหายใจชั้วขณะ ปรับนิ้วมือโดยปิดรูจมูกซ้าย เปิดรูจมูกขวาเล็กน้อย
- หายใจออกผ่านรูจมูกขวาที่แคบนั้นจนสุด กลั้นหายใจชั้วขณะ การปฏิบัติในข้อ 8-11 คือ 1 รอบ ให้ปฏิบัติเช่นนี้ 10-15 รอบ
ภาพ 125
ขั้นที่ 3
- ให้ปฏิบัติตามวิธีในข้อ 8-11 เพิ่มระยะเวลาของการกลั้นลมหายใจหลังการหายใจเข้า พร้อมกับหดกระชับกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักและกล้ามเนื้อบริเวณทวารหนักถึงอวัยวะเพศ ปฏิบัติ 10-15 รอบ
ขั้นที่ 4
- ปฏิบัติตามในวิธีข้อ 8-11 เพิ่มระยะเวลาของการกลั้นลมหายใจหลังการหายใจออก พร้อมกับการยุบส่วนท้องทั้งหมดเข้าหากระดูกสันหลังและยกขึ้น ปฏิบัติ 10-15 รอบ
- รวมการปฏิบัติในข้อ 12 และ 13 เข้าด้วยกัน ลักษณะการหายใจจะเป็นดังนี้ หายใจเข้า(ขวา) - กลั้นหายใจ – หายใจออก (ซ้าย) – กลั้นหายใจ –หายใจเข้า (ซ้าย) –กลั้นหายใจ –หายใจออก (ขวา) –กลั้นหายใจ ปฏิบัติ 5-10 รอบ
ควรปฏิบัติแต่ละขั้นตอนจนชำนาญแล้วจึงปฏิบัติขั้นตอนต่อไป หลังการปฏิบัติปราณายามทุกครั้งให้ปฏิบัติท่าศพ เพื่อผ่อนคลาย 5-10 นาที
ผลดี
ในนาฑี โศธนะ ปราณายาม การหายใจผ่านรูจมูกที่แคบทำให้ลมหายใจละเอียดและยาวขึ้น ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเต็มที่ ความอดทนจะเพิ่มมากขึ้น ผู้ปฏิบัติรู้สึกสดชื่น ระบบประสาทสงบเย็นและบริสุทธิ์ จิตใจสงบและใสกระจ่าง
ขั้นตอนการฝึกปฏิบัติอาสนะและปราณายาม
สำหรับผู้เริ่มปฏิบัติโยคะ หรือเคยปฏิบัติมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยจัดระบบการปฏิบัติของตนเองให้ครอบคลุมท่าบริหารที่ครบถ้วนสมดุล ผู้เขียนของเสนอแนะวิธีฝึกปฏิบัติอาสนะและปราณายามอย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งจะพัฒนาผู้ฝึกฝนให้สามารถขึ้นตามลำดับ จนปฏิบัติอาสนะและปราณายามที่นำเสนอในหนังสือเล่มนี้ได้หมด อันจะเป็นการปฏิบัติโยคะที่ครบถ้วนสมดุล ให้ผลดีแก่ร่างกายและจิตใจของผู้ปฏิบัติอย่างแท้จริง
ขั้นที่ 1
ลำดับการฝึก ท่าแมว,ท่านักรับ,ท่าสิงโต,ท่านอนยกเท้า,สูรยนมัสการ (6 รอบ) ท่าผีเสื้อ,ท่าบิดลำตัว 1, ท่าสามเหลี่ยม,ท่าศพ,อุชชายี ปราณายามในท่านอนระยะเวลาแต่ละท่าใช้เวลาตามที่แนะนำในวิธีปฏิบัติ ปราณายาม ประมาณ 10 นาที
ขั้นที่ 2
ลำดับการฝึก ท่าแมว,ท่านักรบ,ท่าหน้าวัว,ท่าหมุนท้อง,สูรยนมัสการ (3 รอบ),ท่าผีเสื้อ,ท่ายืนด้วยศีรษะขั้นที่ 1-2, ท่าบิดลำตัว 2, ท่ามือถึงเท้า, ท่างู, ท่าตั๊กแตน, ท่าสุนัขเหยียดลำตัว, ท่าสามเหลี่ยมหมุนกลับ, ท่าดอกบัว, ท่าศพ, อุชชายี ปราณายามในท่านอน
ระยะเวลา แต่ละท่าใช้เวลาตามที่แนะนำในวิธีปฏิบัติ ท่ายืนด้วยศีรษะทำแต่ละขั้นด้วยกานหายใจเข้าออก 5 รอบ ทำซ้ำ ๆ รวมประมาณ 5 นาที
ขั้นที่ 3
ลำดับการฝึก ท่าแมว,ท่านักรบ,ท่าสิงโต, ท่านอนยกเท้า, สูรยนมัสการ (3 รอบ), ท่าผีเสื้อ, ท่ายืนด้วยศีรษะขั้นที่ 3, ท่ายืนด้วยไหล่, ท่าคันไถ, ท่าปลา (ขาเหยียด) ท่าบิดลำตัว 3, ท่าหัวถึงเข่า, ท่างู, ท่าตั๊กแตน, ท่าธนู, ท่าสุนัขเหยียดลำตัว, ท่าเรือกลไฟ,ท่าดอกบัว, ท่าศพ, อุชชายี ปราณายามในท่านั่ง
ระยะเวลา แต่ละท่าใช้เวลาตามที่แนะนำในวิธีปฏิบัติ ท่ายืนด้วยศีรษะ พยายามปฏิบัติซ้ำๆ ประมาณ 5 นาที ใจแต่ละวันจนสามารถทรงตัวได้ค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาในการทรงตัวตามคำแนะนำในวิธีปฏิบัติ
ขั้นที่ 4
ลำดับการฝึก ท่าแมว, ท่านักรบ, ท่าหน้าวัว, ท่าหมุนท้อง, สูรยนมัสการ (3 รอบ), ท่าผีเสื้อ, ท่ายืนด้วยศีรษะขั้นที่ 4-5 , ท่ายืนด้วยไหล่, ท่าคันไถ,ท่าปลา(ขัดขา), ท่าบิดลำตัว 3, ท่ายืดส่วนหลัง, ท่างู, ท่าตั๊กแตน, ท่าอูฐ, ท่าสุนัขเหยียดลำตัว, ท่าหน้าจั่ว, ท่าดอกบัว, ท่าศพ, อุชชายี ปราณายามในท่านั่ง
ระยะเวลา แต่ละท่าใช้เวลาตามที่แนะนำในวิธีปฏิบัติ
เวลาที่ใช้ในการฝึกแต่ละขั้น ขึ้นอยู่กับบุคคลและความสม่ำเสมอในการปฏิบัติโดยทั่วไปหากปฏิบัติสัปดาห์ละ 4-5 วันอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ น่าจะใช้เวลาในแต่ละขั้น 4-8 สัปดาห์ เมื่อปฏิบัติได้ถึงขั้นที่ 4 แล้ว เราก็สามารถสรุปการปฏิบัติอาสนะและปราณายามเป็นแนวทางการปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ดังนี้
แนวทางการปฏิบัติโยคะ ในชีวิตประจำวัน
วันที่ 1, 2, 4, 5 ของสัปดาห์
ท่าแมว, ท่านักรบ, ท่าสิงโต (สลับกับท่าหน้าวัว), ท่านอนยกเท้า (สลับกบท่าหมุนท้อง),สูรยนมัสการ (3 รอบ) ท่าผีเสื้อ, ท่ายืนด้วยศีรษะ, ท่ายืนด้วยไหล่, ท่าปลา, กลุ่มท่าบิดตัว (สลับกันไป), กลุ่มท่าโค้งลำตัวไปข้างหน้า (สลับกันไป), ท่างู, ท่าตั๊กแตน, ท่าธนู (สลับกับท่าอูฐ), ท่าสุนัขเหยียดลำตัว, กลุ่มท่ายืน(สลับกันไป), ท่าดอกบัว,ท่าศพ 10 นาที
วันที่ 3, 6 ของสัปดาห์
ท่าแมว, ท่านักรบ, ท่าสิงโต (สลับกับท่าหน้าวัว), ท่ายกเท้า (สลับท่าหมุนท้อง), สูรยนมัสการ (3 รอบ), ท่าศพ ปราณายาม 30 นาที, ท่าศพ 10 นาที
วันที่ 7 ของสัปดาห์
พัก